วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มีความสุข^^

ตอนนี้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งๆที่เมื่อวันเสาร์แระวันอาทิตย์
รู้สึกเซงๆ เส้าๆ เหงาๆ
วันเสาร์ผมได้ทะเลาะกับเทอ
คนที่ผมรักมากที่สุด
วันนั้นด้วยความที่ผมโมโห
ผมจึงได้พูดกับเทอรุนแรง
ผมเคยคิดที่จะทำให้เทอเสียใจ
แต่ผมก้อทำไม่ลง ผมเกลียดตัวเอง
เทอเสียใจผมก้อรู้
แต่ผมก้อเสียใจมากไม่ต่างจากเทอเท่าไรหรอก
วันอาทิตย์เทอไม่ออนเอม
ไม่เล่นไฮ
ผมไม่สามารถติดต่อเทอได้เลย
วันนั้นเปนวันที่ผมเส้าและเซงมากที่สุดวันหนึ่งเลยก้อว่าได้
จนมาวันนี้ครับ
วันนี้ผมได้เจอเทอที่โรวเรียนตอนเช้า
ผมยิ้มให้เทอตอนที่เทอหันมามองผม
ผมเองคิดว่าเทอยังโกดผมอยู่
เลยคิดว่าเทอคงไม่ยิ้มตอบ
แต่ผิดคาดครับ
เทอยิ้มกลับมาด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส
ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม
พอผมเห็นแบบนั้นผมก้อดีใจครับ
เทอยิ้มให้ผมเพียงไม่กี่ครั้ง
มันก้อทำให้ผมมีความสุขทั้งวันเลยครับ
^^
ผมอยากให้เทอคนนั้น
คนที่ผมรักมากที่สุด
กลับเปนแฟนเทอคนเดิม
คนที่ร่าเริง แจ่มใส
ผมทำตัวไม่ดี
ผมรู้
ผมขอโทษ
แต่ผมก้ออยากจะบอกว่า
ผมรักแระแคร์เทอมากที่สุด
ไม่ว่าเทอจะได้อ่านอยุ่หรือป่าว
ผมก้อยังอยากบอกให้เทอรูว่า
ผมรักเทอมากครับ

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความรักตามวันเกิด

วันจันทร์
คนวันจันทร์ไม่แสดงออกถึงความเจ้าชู้ เด่นชัดอย่างคนวันอาทิตย์แต่จริงๆ แล้ว เป็นคนเจ้าชู้เงียบแอบโปรยเสน่ห์อยู่บ่อยๆเหมือนกันซึ่งก็มีคนหลงปลื้มอยู่เสมอไปด้วยความที่เป็นคนอ่อนโยนฉลาด รอบรู้ มีมนุษยสัมพันธ์ดีพอควร คนวันจันทร์ชอบทำตัวน่ารักแต่ถ้าเริ่มคบหาจริงจังกับหวานใจแล้ว จะแสดงความดื้อดึงออกมาทันที เพราะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองไม่น้อย ดวงความรักของคุณจึงแสนซึ้งในช่วงต้นๆเพราะพื้นดวงเป็นคนสุภาพ น้อยคนนักที่จะห้าวมากๆนอกจากเกิดในวันจันทร์ และถ้าความรักจะมีปัญหาก็มักเป็นเพราะตัวคุณเองเนื่องจากเป็นคนช่างคิดอยู่แล้วจึงคิดมากคิดไกลเกินไปเสมอ และเป็นเหตุร้าวฉานในความสัมพันธ์ได้ไม่ยากดวงความรักของคุณค่อนข้างไม่ธรรมดา ความรักแท้มักเกิดขึ้นกับคนที่ รอบข้างแอบส่ายหน้าว่าไม่เหมาะสมกันถ้าไม่แก่หรืออ่อนวัยกว่ามากๆก็อาจแตกต่างกันที่ฐานะ หรือการศึกษา ด้อยกว่าในเรื่องใดเรื่องหนี่งแน่นอน และมักจะได้แสดงถึงความรักแท้เหมือนในหนังคือการฝ่าฟัน กับกระแสการกีดกันของครอบครัว เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปนี้ถ้าใครได้คู่ที่สมกันดีไม่มีใครห้ามปรามก็ต้องนับว่าโชคดี คงมีดวงในราศีเกิดหรืออิทธิพลอื่นๆที่เสริมให้ดวงความรักไปได้ดีกว่าพื้นดวงที่น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่สุดท้ายแล้วคนวันจันทร์จะแฮปสมหวังเสมอ ไม่ค่อยผิดหวังในเรื่องรักนอกจากจะมีทุกข์ในหัวใจที่ตัวเองคิดเองรู้สึกเอง ไม่ใช่คนที่คุณรักก่อขึ้นหรอก หรือบางกรณีก็เป็นเพราะคุณแอบหวั่นไหวไปปลื้มคนอื่นแล้วผิดหวัง ถ้าดูแลหัวใจตัวเองให้ดีๆไม่วอกแวกไปไหน คุณก็มักมีคู่รักที่คบกันเนิ่นนานจนเพื่อนๆ อิจฉาเสมอแน่นอน .....

วันอังคาร
ถ้าคุณเกิดวันอังคาร คุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความรักของคุณหรอก เพราะดวงในเรื่องความรักค่อนข้างดีหมายถึงดวงคู่แท้ๆ ที่เป็นความรักแท้ๆในชีวิตด้วยเช่นกัน พื้นฐานนิสัยของคุณแม้จะห้าวหาญวู่วาม และตรงไปตรงมาจนน่าถอยห่าง แต่เสน่ห์ของคุณมีเสมอกับเพศตรงข้ามทำให้ไม่มีช่วงใดที่ไร้คู่นานวันนัก นอกจากบางช่วงคุณจะยังไม่คิดในเรื่องนี้จริงจังเท่านั้นคนวันอังคารเจ้าชู้แค่อารมณ์เท่านั้น ไม่ได้เจ้าชู้เป็นนิสัยถ้าเจอะเจอคนหล่อหรือคนสวยในแบบที่พึงพอใจก็จะส่งสายตาไปก่อนอื่นแต่ไม่ใช่คนที่จะต้องปราดเข้าไปขอทำความรู้จักทันใด แม้จะเป็นคนกล้าแกร่งปานใดก็เถอะ เว้นแต่ว่าถ้าได้รู้จักกันแล้วและหลงรักเข้าแล้วเท่านั้นที่คนวันอังคารจะติดตามผลงานอย่างตั้งใจ จนกว่าจะได้ใจของใครคนนั้น ไม่มีวันที่คุณจะจีบเล่นๆ แบบนินจาเดี๋ยวมาเดี๋ยวหายแน่นอนคนวันอังคารเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน และมีดวงแบบตกหลุมรักเมื่อแรกสบตาได้มากกว่าคนเกิดวันอื่นใดน้อยเหลือเกินที่จะเห็นคนวันอังคารมีความรักกับเพื่อน ที่คบกันนานปีแล้วค่อยๆ พัฒนาเป็นความรัก และในกรณีที่เป็นคู่รักกันแล้ว หากมีเรื่องปะทะอารมณ์ใส่กัน คุณก็จะปิดปากเงียบไม่ยอมขอโทษว่าตนผิดเองทั้งๆ ที่ในใจคุณอยากง้อใจจะขาดนอกจากว่าทะเลาะกับคู่รักบ่อยๆ ครั้งจนรู้สึกชินแล้วนั่นแหละคุณถึงจะง้อเป็นกล้าที่จะเอ่ยคำว่าเสียใจออกไปได้ในท่วงท่าที่ดูเป็นคนมุทะลุวู่วามไม่จริงใจกับใคร แท้จริงแล้วคนวันอังคารเป็นคนรักที่คงมั่นมากตามดวงชะตาบ่งบอกว่าเป็นคนรักจริงหวังแต่งมักได้คู่ดี เว้นแต่บางช่วงจะไปรักคนผิดจนเดือดร้อนไม่น้อยดวงความรักของคุณหากจะมีปัญหาก็อยู่ที่อารมณ์เท่านั้น ถ้าร้อนเจอร้อนก็จบเร็วแน่ถ้าคุณลดไฟในอารมณ์ตัวเองได้ หรือเลือกคนใจเย็นเป็นน้ำก็รักกันยั่งยืนยากจะแตกร้าวได้ ---------

วันพุธ
คนเกิดวันพุธมักมีดวงเกี่ยวกับความรักในแบบที่ลึกซึ้ง ไม่รักเพียงหวือหวาให้ตื่นเต้นเร้าใจเท่านั้นด้วยธรรมชาติและพื้นดวงที่เป็นคนช่างคิดช่างตรอง รอบคอบกับทุกเรื่องราวเสมอดังนั้นกับในเรื่องรัก คุณจึงต้องมั่นใจก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้ามาแนบใจเสน่ห์ที่โดดเด่นของคนวันพุธอยู่ที่ศิลปะในการพูดจาทำให้ใครๆ หลงเคลิ้มได้เสมอ และยังเป็นคนฉลาดมีไหวพริบดีอีกด้วยนั่นเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนรอบข้างชื่นชมเป็นพิเศษ แต่แม้ว่าจะมีใจชอบใครคนวันพุธจะไม่เปิดเผยทุกอย่างแก่คนรักเนื่องจากเป็นคนมีโลกส่วนตัว ชอบเก็บบางเรื่องราวไว้กับตัวเอง เหมือนกับที่เป็นคนชอบอิสระและรักสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว คนเกิดวันพุธจริงๆแล้วมี 2 แบบคือแบบ ที่ควักเงินทุ่มให้คนรักแบบสุดๆ กับอีกประเภทคือเหนียวสุดๆ กับคนรักคุณเป็นแบบไหนก็คงต้องตรวจสอบดูตัวเอง แต่ที่มีอยู่ในตัวคนวันพุธทั้ง 2 แบบ ก็คือมักจะงคนที่อ่อนวัยกว่าเพราะอยากที่จะดูแลคนรักของตนแบบแสนห่วงหวง และคุณก็มักชอบมีรักแบบที่ค่อยๆ ใกล้ชิดติดใจกันไปทีละนิดคุณแพ้คนที่เข้าใจคุณถ่องแท้ ดวงของคุณจึงมีแนวโน้มที่จะพบรักที่ซาบซึ้งตรึงใจ และมีความผูกพันกันมากเพราะเป็นความรักที่มีพัฒนา การเต็มไปด้วยความเข้าใจในกันและกัน พยายามที่จะรู้จักตัวตนแท้ๆ ของกันและกันนั่นเองคนวันพุธโชคดีที่ได้งกับคนคล้ายๆ กัน รสนิยมไม่ต่างกันราวฟ้ากับดินนัก คุยกันรู้เรื่องถ้าใครที่ดูดีอย่างเดียวแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง ทัศนคติต่างกันมากๆ คนวันพุธจะละความสนใจทันทีหากเมื่อใดที่อกหัก คนวันพุธก็จะไม่ฟูม**มากนักแม้จะปวดใจเพียงใดคนที่เป็นคู่รักของคนวันพุธได้ดี ต้องมีลักษณะของความเป็นเพื่อนเฮไปไหนๆ ด้วยกันได้ถ้าทำสวีทเป็นเจ้าของเกินไป มักอยู่กับคนวันพุธได้สั้นกว่าที่หวัง ---------

วันพฤหัสบดี
ถ้าคุณเกิดวันพฤหัสบดีมั่นใจได้เลยว่า คุณจะเป็นคนรักที่ดีให้ใครคนนั้นได้ภาคภูมิใจแน่เพราะคุณมีทั้งความเอื้ออารีมีน้ำใจเป็นคนสติปัญญาดี มีความยุติธรรมเป็นคนที่ใครก็ยอมรับและชื่นชม คุณเป็นคนรักจริงเกลียดจริงถ้าเกลียดใครก็ไม่เสแสร้งคบหาต่อไปให้ต้องฝืนตามวิสัยของคุณคนวันพฤหัสบดีที่ตรงพอสมควรดวงในเรื่องความรักของคนวันพฤหัสบดีไม่ค่อยโลดโผนพิสดารมากนัก ความรักค่อยเป็นค่อยไปอย่างเรียบง่ายหากจะมีเรื่องปวดหัวใจบ้างก็เป็นเพราะความมองโลกในแง่ดีเกินไป บางครั้งจึงหลงคารมคนไม่จริงใจหรือบางครั้งก็คิดไปเองว่าใครคนนั้นมีใจด้วยทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นดั่งที่แอบคิดแอบหวั่นไหวคนเกิดวันพฤหัสบดีเป็นคนใฝ่รู้ถ้าช่วงใดเจ็บหัวใจ ก็จะทำใจด้วยการทุ่มเทในเรื่องที่มีสาระมีประโยชน์กับชีวิตความน่ารักของคนอยู่ที่ความสดใสเปิดเผยมีความมุ่งมั่นเสมอ ไม่ใช่คนที่เลื่อนลอยไร้สาระ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นคนวันพฤหัสบดีอีกลักษณะหนึ่ง คือไม่ค่อยเรียบร้อยและขาดความสุขุมรอบคอบคนวันพฤหัสบดีไม่ค่อยเจ้าชู้แม้จะดูมีท่าทีเข้ากับคนง่าย สดใสเป็นกันเองแต่ไม่ได้ชอบใครง่ายๆ เสมอไป ถ้ารักใครก็จะรักอย่างซื่อสัตย์หากจะผิดหวังก็ดังที่กล่าวมาแล้ว คือการไปรักคนผิดคิดว่าดีที่แท้ไม่ใช่ดวงความรักของคนวันพฤหัสบดีนั้น จะมีรักจริงจังก็ต่อเมื่อพบเจอคนที่เรียบง่ายคล้ายๆ กันไม่ใช่ฟู่ฟ่าหรูหราเกินไปนัก คิดแต่เรื่องสร้างสรรค์มากกว่าเรื่องเฮฮาปาร์ตี้ปัญหาในรักมักใม่ใช่อยู่ที่ตัวคุณเองเพราะคุณอดทนได้เสมอ แต่คนที่คุณรักต่างหาก ที่จะนำเรื่องปวดหัวมาให้ ---------

วันศุกร์
คนที่เกิดวันศุกร์เป็นคนที่ต้องพัวพันกับเรื่องรักๆใคร่ๆ เสมอ เพราะดาวศุกร์เป็นสัญลักษณ์ของดวงดาวประจำเทพีแห่งความรักคุณผู้หญิงวันศุกร์จึงเป็นคนรักสวยรักงามเป็นพิเศษ คุณผู้ชายก็สำอางไม่เบาถ้าผู้ชายคนใดที่บำรุงผิวหน้าด้วยโลชั่น หรือพรมน้ำหอมเสมอก่อนออกจากบ้านจนใครๆเกือบจะคิดว่าเป็นเกย์ละก็ ที่แท้เขาคนนั้นเป็นคนวันศุกร์นั่นเองเมื่อรักใครชอบใคร คนวันศุกร์จะเทคแคร์เอาใจได้ละเมียดละไมที่สุด ยิ่งกว่าคนเกิดวันอื่นๆแต่ด้วยความที่รักตัวเองมาก หลงตัวเองพอสมควร ดังนั้นคุณจึงต้องการให้คนพิเศษของคุณทุ่มเทรักให้คุณสุดหัวใจถ้ารู้สึกว่ายังได้ความรักจากเขาหรือเธอไม่มากพอ คุณจะร้ายใส่ทันทีแม้เสน่ห์ของคนวันศุกร์จะอยู่ที่ความอ่อนหวานก็เถอะ ยามหึงหวงหรือโกรธเคืองแล้วจะปากร้ายมากแต่ในจิตใจไม่พิษร้ายใดๆ เป็นคนใจกว้างและเป็นคนซื่อตรง ซื่อสัตย์มากด้วยซ้ำ เพียงแต่คิดมากขี้ระแวงเท่านั้นเองดวงความรักของวันศุกร์ค่อนข้างอาภัพทั้งๆ ที่มีคนมารักจริงแบบหวังแต่งแต่ก็มักจบลงเพราะความไม่มีเหตุผลอย่างสุดๆของคุณเอง เรื่องที่จะผิดหวังเพราะไปรักเขาข้างเดียวนั้นก็มีบ้างแต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอกถ้าจะผิดหวังจนเสียหน้า ก็เป็นเพราะไปหลงเชื่อคนที่มาหวังผลประโยชน์จากคุณโดยไม่ได้รักคุณจริงเนื่องจากคนวันศุกร์ฉลาดในเรื่องอื่นแต่ไม่ทันคนนักหรอกที่ว่าดวงความรักของคนวันศุกร์อาภัพก็เพราะว่า แม้บางจังหวะชีวิตจะมีรักแสนซึ้งเพียงใด ก็กลับต้องเลิกร้างกันทั้งๆ ที่ยังรัก บางคนก็อาภัพแบบมีแต่รักเทียมๆ สั้นๆ ไม่ดื้อไม่ดื่มด่ำลึกซึ้งนานวันให้อิ่มใจนักคนเกิดวันศุกร์บางคนก็มีความสัมพันธ์รักที่ยั่งยืนอบอุ่น แต่มักไม่ใช่เป็นคนที่คุณหลงรักอย่างปักจิตปักใจมาก่อนนับเป็นดวงแห่งความรักที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ---------

วันเสาร์
คนเกิดวันเสาร์มีดวงชะตาในเรื่องรักที่ค่อนข้างดีพอสมควรไม่ค่อยจะมีปัญหาปวดหัวปวดใจจนเดือดร้อนเพราะเรื่องความรักอย่างคนเกิดวันอื่นๆเนื่องจากพื้นฐานนิสัยที่เป็นคนเด็ดเดี่ยวหนักแน่น คุณจึงคบใครก็คบอยู่คนเดียวพอเลิกกันเมื่อใดจึงค่อยมีรักใหม่ แต่คนวันเสาร์จะไม่ออกไปวิ่งไขว่คว้าหารักมาใส่ตัวหรอก นอกจากรอให้กามเทพแผลงสอนเองตามธรรมชาติดีกว่าแม้จะดูสุขุมมีระบบระเบียบเป็นคนตรงหัวแข็งไม่เบาแต่ในใจคนวันเสาร์ก็อ่อนไหวไม่อยากกับเรื่องรัก เห็นใครถูกใจก็ชอบแต่ก็รู้จักยับยั้งใจไม่วิ่งเข้าประกบทันทีเด็ดขาดถ้าจะมีความเจ้าชู้ก็เจ้าชู้เงียบ แต่ไม่ใช่เงียบแบบแอบเอาจริงอย่างคนวันจันทร์เพราะคนวันเสาร์จะแค่มอง รู้สึกชอบส่งยิ้มไปบ้างแต่ก็ไม่คิดอะไรมากกว่านั้นดวงความรักของคุณเป็นลักษณะที่มีความสัมพันธ์มีความผูกพันธ์เต็มไปด้วยความลึกซึ้งไม่ใช่รักแบบตื่นเต้นเร้าใจสั้นๆ แล้วจบลงเหมือนเพียงจุดพลุดอกไม้ไฟ คนวันเสาร์ทำให้คนอื่นประทับใจได้เสมอกับความสุขุม ทรนง อดทน มุ่งมั่นใส่ใจคนรักอย่างเสมอต้นเสมอปลายแต่ถ้าใครคนนั้นฟู่ฟ่าหรูหราใช้เงินกระหน่ำเกินไปคุณก็ไม่ชอบใจเหมือนกันความที่เป็นคนช่างเลือก คนวันเสาร์จึงไม่ใช่คนประเภทที่มีใครๆ เคียงข้างอยู่ตลอดเวลาบางปีถ้าไม่งใครมากๆ ก็ยอมเปลี่ยวใจตลอดปีไม่ซีเรียส ถ้าคนวันเสาร์ถูกใจใครจะใช้เวลาดูใจดูนิสัยก่อนจะดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปให้ลึกซึ้งด้วยความขี้ระแวงไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ต้องดูแล้วดูอีกกว่าจะตัดสินใจเรื่องความเหมาะสมกันคุณก็คิดมากกว่าคนวันเกิดใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุหรือฐานะเช่น ถ้าอีกฝ่ายรวยกว่ามากหรือจนกว่ามากๆ คุณก็จะคิดมาก แม้จะรักแล้วแต่ก็ลังเลหรือถ้าอายุน้อยกว่ามากๆ หรือแก่กว่ามากๆ ก็กลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงช่องว่างระหว่างวัยจะมีหรือไม่นี่หละคือสไตล์ความคิดของคนวันเสาร์ ปัญหารักในเรื่องอื่นๆไม่ค่อยมีหรอกนอกจากจะสับสนกับตัวเอง ---------

วันอาทิตย์
คนเกิดวันนี้มีหัวใจกล้าได้กล้าเสีย ในเรื่องความรักนั้นถือคติว่าเสี่ยงเป็นเสี่ยงกันตามประสาคนชอบสนุก เจ้าสำราญพอสมควรคนวันอาทิตย์เจ้าชู้จึงมีดวงในเรื่องความรักที่โดดเด่น คือได้พบรักเสมอๆ มักงคนเด่นๆ ที่ดูดีกว่าใครในกลุ่มคนที่มีท่าเรียบง่ายจนเกินไปค่อนข้างเชยๆ ไม่ใช่คนแบบที่คุณจะสะดุดตาสะดุดใจแน่นอนใครก็ตามที่ห้าวเกินเหตุคนวันอาทิตย์ก็ยากจะตัดใจ คิดชอบพอความสดใส มั่นใจในตัวเอง คือเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆ หลงรักคนเกิดวันอาทิตย์และนิสัยที่แข็งเกินไปของคุณ ก็คือตัวการสำคัญที่จะทำลายความรักให้พังทลายไปอย่างน่าเสียดายยามหลงรักใครคุณจะตามติด หวังพิชิตให้ได้ เมื่อสมใจแล้วคุณกลับไม่ยอมให้คู่รักมาเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวตนที่แท้ของคุณ ถ้าใครยอมคุณได้ก็รักกันได้นานแน่นอนโดยทั่วไปดวงในเรื่องความรักของคนวันอาทิตย์ ไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไรนักจีบใครหรือทอดสะพานให้ใครก็มักสำเร็จเสมอ อยู่ที่ว่าตัวคุณเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายจืดจางห่างเหินอีกฝ่ายเสียก่อนตามประสาคนเจ้าชู้ที่หัวใจอ่อนไหวและอยากคบคนใหม่ๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องท้าทายดีชอบหาความมั่นใจให้ตัวเองด้วยเรื่องรักๆใคร่ๆ บางครั้งทั้ง 4 ห้องหัวใจเต็มหมดห้องไหนทนไม่ไหว โบกมือลาไปคุณก็ไม่เสียใจ มีใครคนใหม่มาแทนได้เร็วเสมอ ดวงความรักค่อนข้างดีตัวเองไม่มีปัญหาแม้จะชอบตามใจตัวเอง แต่ก็ไม่ค่อยเอะอะเอาเรื่องกับความรักจริงจังนักปัญหามักเกิดขึ้นเพราะคนรักของคุณ ซึ่งคิดจะเอาเรื่องกับคุณให้ได้หรืออาจเป็นเพราะความใจร้อนของคุณบ้างโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดการแตกหักหรอกดังนั้นถ้าใครเข้าใจคุณก็สามารถควงกับคุณได้นานเป็นพิเศษ

เป็นบุญตาที่ได้เห็น ทะเบียนสมรสในหลวง

50 ข้อดีของคนไม่มีแฟน

1. มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากดูหนังคุยโทรศัพท์
2. มีเวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น
3. กลับบ้านดึกก็ได้ไม่ต้องโทรรายงานใคร
4. ไม่ต้องทะเลาะกับใคร
5. ประหยัดค่าใช่จ่าย แบบว่าไม่ต้องไปเที่ยวไหน
6. ร้องเพลงคนไม่มีแฟนของพี่เบิร์ดได้อย่างสะใจ
7. ไม่ต้องคอยเอาใจคนอื่น
8. ไม่ต้องพบเพื่อนของแฟนที่เราไม่อยากรู้จัก
9. ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งแฟนเรา
10. มีคนคอยเป็นห่วงเยอะ (และคอยถามว่าทำไมไม่มีแฟน)
11. ไม่ต้องคอยหึงหวง
12. ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะสบายดีรึเปล่า
13. มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่
14. ไม่ต้องฟังคำว่า“อนาคตของเรา ”
15. ไม่ต้องออกหัก(อันนี้สำคัญมาก)
16. ไม่ต้องกังวลว่าแต่ละวันใส่ชุดอะไรถึงจะถูกใจเขา
17. ไปหาเพื่อนแต่งตัวแบบไหนก็ได้
18. ไม่ต้องคอยเช็ค sms เผื่อว่าเขาส่งมาแล้วยังไม่ได้ส่งกลับ(เฮ้อ….เปลืองเงินปล่าวๆ)
19. อยากจีบสาวภานิชย์ก็ได้ไม่มีใครคอยตามประกบ
20. พ่อแม่จะรักเป็นพิเศษเพราะอยู่ติดบ้าน
21. ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจใคร
22. ไม่ต้องคิดมาก
23. มีทางเลือกให้กับชีวิตมากขึ้น
24.………ไม่ต้องร้องไห้………….
25.ได้ทำตามใจตัวเองอย่างเป็นสุขไม่ต้องกังวลถึงใคร
26.คิดถึงคนหลายๆคนพร้อมกันได้
27. คิดถึงตัวเองมากขึ้น
28. ชินกับกาอยู่บ้านเพราะไม่มีแฟนชวนเที่ยว
29. เล่นเน็ตได้นานสะใจ จะคุยกับใครก็ได้ไม่มีใครหวง
30. มีเวลาดูละครน้ำเน่ามากขึ้น
31. เข้าถึงพระธรรมได้ง่าย
32. ไม่ต้องคอยโทรศัพท์
33. ไม่ต้องเปลืองค่าโทรศัพท์โทรหา
34. จะเหล่ใครก็ไม่มีใครว่าเพราะยังไม่มีใครถูกใจ
35. ไม่ต้องคอยระแวงว่าคนที่เดินข้างๆจะเป็นใคร
36. จะทำอะไรก็ได้
37. ไม่โดนเพื่อนด่าว่า “ลืมเพื่อน”
38. คิดถึงใครก็ได้ที่อยากจะคิด
39. ไม่ต้องทำหล่อทั้งวันหรือโปะหน้าให้สวย
40. ไม่ตกปกปิดด้านชั่วของตัวเอง
41. ไม่ต้องดัดเสียงให้ดูมาดแมนหรือฟังดูน่ารัก
42. จะทำอะไรไม่ต้องเกรงใจแฟน
43. ใครจีบก็จีบไปเพราะเราไม่มีแฟน
44. ไม่ต้องเอาใจญาติพี่น้องแฟน
45. แต่ชอบที่จะอุ้มแฟนเข้าเรือนหอนะ
46. ร่างกายแข็งแรงเพราะเอาเวลาไปเล่นกีฬา(และอาจหล่อเหมือนภราดร)
47. สามารถคุยกับเพศตรงข้ามได้โดยไม่รู้สึกผิดเพราะไม่มีแฟน
48. ไม่ต้องร้องเพลงอกหัก
49. ประหยัดน้ำตาไว้ร้องไห้เรื่องอื่น
50. ไม่ต้องคอยไปรับไปส่งใคร

10อันดับ "ผู้ชายเสียเปรียบผู้หญิง"(ฮาดี)

10อันดับ "ผู้ชายเสียเปรียบผู้หญิง"

อันดับ 1
ผู้หญิงหอมแก้มกัน : ดูน่ารัก
ผู้ชายหอมแก้มกัน : อืยยย...หวาดเสียว ขนลุก

อันดับ 2
ผู้หญิงใส่กางเกงฟิตๆ : น่ามองจิงๆ น่าชม
ผู้ชายใส่กางเกงฟิตๆ : แหยะ! จะอ้วก

อันดับ 3
ผู้หญิงตบผู้ชาย : ป้องกันตัว หรือ "สุดจะทน"
ผู้ชายตบผู้หญิง : ไอ่หน้าตัวเมีย!

อันดับ 4
ผู้หญิงร้องไห้ : ดูน่าสงสาร
ผู้ชายร้องไห้ : ปลาซิว

อันดับ 5
ผู้หญิงเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ดูน่ารักดี สดชื่น
ผู้ชายเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ชักแปลก ดูเหมือนคู่เกย์

อันดับ 6
ผู้หญิงหลอกรับประทานผู้ชาย : อ่อ อาจเป็นเรื่องปกติ
ผู้ชายหลอกรับประทานผู้หญิง : สารเลว เกาะผู้หญิงกิน

อันดับ 7
ผู้หญิงพูดตรงๆ : ดูเป็นคนเปิดเผย
ผู้ชายพูดตรงๆ : ไอ่บ้า พูดไม่เข้าหูคน

อันดับ 8
ผู้หญิงเข้าห้องน้ำผู้ชาย : มันผิดพลาดกันได้!
ผู้ชายเข้าห้องน้ำผู้หญิง : ไอ่บ้า! โรคจิต

อันดับ 9
ผู้หญิงเดินตกท่อ : น่าสงสารจัง เป็นอะไรมากมั้ย?
ผู้ชายเดินตกท่อ : ไอ่โง่! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือซะเลย

อันดับ 10
ผู้หญิงขับรถปาดหน้า : ช่างเหอะ ผู้หญิงก้ออย่างนี้แหละ
ผู้ชายขับรถปาดหน้า : แซงขึ้นแล้วยิง!!

ทายนิสัย จากอาหารเช้า

ทายนิสัย จากอาหารเช้า

1. ชอบกินพวกกาแฟ,นม,โอวัลติน และ ไมโล ฯลฯ รวมกับ ปาท่องโก๋ สัก 2 - 3 ตัว หรือ ขนมปัง ซักอัน


คุณจะเป็นคนที่ชอบความเป็นตัวของตัวเอง คือไม่เหมือนใคร และชอบที่จะเป็นผู้นำ มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่คุณเป็นคนที่ไม่ค่อยใช้คำพูดสักเท่าไร ใช้แต่การกระทำมากกว่า เลยทำให้ เป็นคนที่ดื้อเงียบ คือถ้าอะไรไม่ถูกใจจะไม่แสดงออกทางคำพูด โต้เถียง แต่จะแสดงออกทางการกระทำ นับว่าเป็นคนที่น่ากลัวๆมาก ยามร้ายขึ้นมา

2. ข้าวต้มหรือโจ๊ก

บุคคลจำพวกนี้ จะเป็นพวกที่มองโลกในแง่ดี เป็นคนที่มีเพื่อนมาก และเป็นคนมีน้ำใจโอบอ้อมอารี เป็นบุคคลที่ไม่ค่อยเชื่อสิ่งร้ายๆอะไรง่าย แต่ในทางกลับกัน ถ้าเสียใจอะไรขึ้นมาอย่างมาก แล้ว เค้าก้ออาจจะคิดสั้นได้ นับเป็นผลเสียอันนึงสำหรับคนเหล่านี้

3. อาหารจานเดียว หนักๆ หรือข้าวราดแกง

จะเป็นคนที่ อารมณ์ร้อน แต่ไม่นาน เข้าข่าย '' โกรธง่าย หายเร็ว'' เป็นคนที่รักใครรักจริง มีเพื่อนเยอะ แต่เพื่อนสำหรับคนกลุ่มนี้คือ ถ้าจริงใจก้อสามารถเป็นเพื่อนตายได้เลย แต่ถ้าไม่จริงใจ ก้อเป็นพวกเพื่อนกิน แต่ลึกๆในใจของคนกลุ่มนี้แล้ว เค้าอยากจะทำดีกับทุกคน เพียงแต่การกระทำไม่ค่อยตรงกับใจ คือเป็นพวกที่ ใช้วาจามากกว่าการกระทำ

4. ไม่กินไรเลย( ไว้กินตอนเที่ยงทีเดียว )

เป็นคนที่มีเพื่อนน้อย แต่เพื่อนที่คบๆกันอยู่มักจะเป็นเพื่อนที่จริงใจแทบทั้งนั้น เป็นคนที่เห็นแก่เพื่อนมากๆ และเป็นคนที่คิดอะไรมักจะไม่แสดงออก แต่จะเอาเก็บไปคิดคนเดียว และเป็นคนเจ้าชู้ คือ เจออะไร ใหม่ก้อเห็นดีไปเสียทั้งนั้น และเป็นคนที่กล้าทุ่มเทและทำทุกอย่างเพื่อความรัก แต่น่าเสียดาย ที่เรื่องความรัก สำหรับบุคคลกลุ่มนี้ ไม่ค่อยผ่านมาบ่อยๆ แต่ถ้าผ่านมา ก้ออาจจะเป็นรักแท้เลยล่ะ

ข้อคิดดีๆจากต้นไม้














































12 วิ ธี ที่ ทำ ให้ รู้ ว่า คุณ รัก เขา

12 Ways To Know That You Love Someone
12 วิ ธี ที่ ทำ ให้ รู้ ว่า คุณ รัก เขา
TWELVE: 12
You talk with him/her late at night and when you go to bed you still think of him/her.
คุณคุยกับเขาจนดึกและเมื่อคุณไปนอนคุณก้อจะยังนีกถึงเขาอยู่
ELEVEN: 11
You walk really slowly when you are with him/her.
คุณจะเดินช้ามากๆเมื่อคุณอยู่กับเขา
TEN: 10
You don't feel Ok when he/she is far away.
คุณจะรู้สึกไม่โอเคเมื่อคุณอยู่ห่างจากเขา
NINE: 9You
smile when you hear his/her voice.
คุณจะยิ้มเมื่อได้ยินเสายงของเขา
EIGHT: 8
When you look at him/her,you do not see other people around you.You see only him/her.
เมื่อคุณมองไปที่เขา คุณก้อจะไม่เห็นคนอื่นที่อยู่รอบข้าง คุณจะเห็นแต่เขาเท่านั้น
SIX: 6
He/She is everything you want to think.
เขาเป็นทุกสิ่งที่คุณต้องการคิด
FIVE: 5
You realise that you smile every time you look at him/her.
จะสังเกตุได้ว่าคุนจะยิ้มทุกครั้งที่คุนมองเขา
FOUR: 4
You would do anything to see him/her.
คุณจะยอมทำทุกอย่างเพื่อได้เจอเขา
THREE: 3
While you have been reading this, there was a person in your mind all the time.
ในขณะที่คุณกำลังอ่าน ก้อมีคนคนนึงที่อยู่ในความคิดของคุณ
TWO: 2
You've been so busy thinking of that person that you didn't notice that number SEVEN is missing.
คุณกำลังครุ่นคิดถึงคนนั้นอยู่ จนลืมว่าข้อ7หายไป
ONE: 1
You are going to check above if that's true and now you are silently laughing to yourself.
คุณกำลังเช็คดูว่าจริงรึป่าว...และตอนนี้กำลังหัวเราะตัวเองอย่างเงียบๆอยู่

ทฤษฎีวงกลม‏











เพิ่ลกัล*ชั้นรักเทอ

เปิดประตูหัวใจของคุณซิมีใครอยู่ข้างใน มั่งมีพ่อ มีแม่ มีตัวเอง
มีแฟน มีกิ๊ก มีคนรัก มีคนที่ชอบ

แล้ว...........

มีเพื่อนรึเปล่า??เพื่อนคนไหน??

หลายคน หรือคนเดียว
อย่ายึดติดว่าเพื่อน
จะหมายถึงเพียง...คนที่อยู่ห้องเดียวกับเรา
อย่ายึดติดว่าเพื่อน....จะหมายถึงเพียงคนที่อยู่ร่วมรุ่นกับเรา
อาจมีเพื่อนรุ่นพี่...ที่ต้องให้ความเคารพ
เพื่อนรุ่นน้อง...ที่ต้องคอยเอาใจใส่
คุณ....ให้ความสำคัญกับเพื่อนมากแค่ไหน
*************************************
ถึงเวลา...จะเปลี่ยนผันไปแต่ว่า
....เราก้อยังเหมือนเดิมรักกันเท่าใด.
..ก็ยังรักกันเท่านั้นบางทีอาจรักมากยิ่งขึ้น
...หรือมากขึ้นไปเรื่อยๆจนไม่มีวันสิ้นสุดหากเราจากกันไป
...เราจะจำไว้ว่ามีที่ๆนึงที่ทำให้เรา
...ได้รู้จักกันที่แห่งหนึ่ง.
..ได้ให้ประสบการณ์ดี ๆ กับเราทั้ง ทุกข์ สุข เหงา เศร้า ฯลฯซึ่งที่แห่งนั้นมีทั้ง
..อาจารย์
...เพื่อนรุ่นน้อง
...หรือรุ่นพี่หรือใครต่อใครอีกมากมายและที่แห่งนั้นก็จะอยู่ในความทรงจำดีๆของเราตลอดไป
******คำว่าเพื่อน ไม่ได้เพียง แค่รู้จักแต่เป็นรัก ความผูกพัน ที่มีเสมอฉันจะไม่ลืม
เพื่อนดีดี อย่างเช่นเธอไม่มีทาง ลืมเกลอ ที่แสน ดี
******เพื่อนคือคํา คำหนึ่ง ซึ่งสูงค่ามีที่มา เนิ่นนาน
โบราณเหลือ...เพื่อนของพริก รับรอง ต้องเป็นเกลือเพื่อนของเรือ นั่นหรือ ก็คือพาย
เพื่อนของช้าง ปางไหน ก็ใช้โซ่เพื่อนของปลา

นั้นโอ้โห คือธารสายเพื่อนแครอท แน่นัก
คือกระต่ายเพื่อนของช้อน คิดสบาย
คือถ้วยจาน

เพื่อนของเสือ แน่นอน ว่าคือป่าเพื่อนของหญ้า คือดิน ทุกถิ่นฐานเพื่อนวันนี้

จงเชื่อมั่น คือวันวานเพื่อนของฉัน..อ่ะเหรอ ก้อเธองัย
******มิตรที่ดีไม่จำเป็นต้องฉลาด

ต้ององอาจ กล้าหาญ หรือสะสวย
มิตรที่ดีไม่จำเป็นต้องร่ำรวย

ไม่ต้องหมวยสวย เก๋นักกีฬามิตรที่ดีอาจจนก็เป็นได้

อาจจะโง่ ขี้อายหรือ เหรอหราแต่พวกเขาพร้อมช่วยเพื่อนทุกเวลา

ไม่คิดค่าตอบแทนแต่อย่างไรเพื่อนจะดีดีที่ใจใช่ใบหน้า

อาจเหมือนผ้าที่ดูสวยแต่ขาดได้ต่างกับเพื่อนดีที่ใจใช่คนร้าย

ก็เปรียบได้กับผ้าที่ทนทาน******

ขอขอบคุณ…ที่ช่วยแต่งแต้มวันหงอยเหงาให้สดใส
ขอขอบคุณ…ที่มอบดอกไม้แห่งน้ำใจให้ฉัน
ขอขอบคุณ…ความผูกพันที่มีให้กัน
ขอขอบคุณ…สายสัมพันธ์แห่งความจริงใจ
ขอขอบคุณ…ความอาทร ความห่วงใย
ขอขอบคุณ…ความเข้าใจไม่มีวันล่มสลาย
ขอขอบคุณ… กาลเวลาที่พาเรามาทักทาย
ขอขอบคุณ…สิ่งทั้งหลายที่ทำให้เราเป็น...เพื่อนกัน******คำ…ว่าเพื่อนของฉันว่า…อย่างไรก้อไม่มีวันจางหาย
เพื่อน…ยังคงคิดถึงกันไม่เสื่อมคลายไม่…เคยจางหายแม้ต้องจากกัน

มี…เวลาที่เราได้พบเจอวัน…
นั้นเสมอเป็นฝันชั้นสวรรค์จาง…
ไม่หายลบไม่เลือนในใจ ฉันหาย…จากกันแต่เรายังเป็นเพื่อนกันตลอดไป
******และคำสุดท้าย

เชื่อว่า...เพื่อนทุกคนเคยทำผิดต่อกันและกันแต่มันก้อขึ้นอยู่กับว่า

...ตัวเรานั้นจาหั้ยอภัยเพื่อนหรือไม่ถ้าคิดที่จาอยู่ด้วยมิตรภาพ
ของกันและกันตลอดไปท่องเอาไว้การอภัยหั้ยการดีที่สุด
โทษสำหรับสิ่งที่เคยทำผิดและเพื่อ
..........มิตรภาพของเราจาได้อยู่กับมันตลอดไปขอโทดน่ะเพื่อนๆ
กับเรื่องแย่ๆที่เราทำลงไป

เรื่องเล่าดีๆ

เรื่องเล่าดีดี...
มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง

สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชาย
วัยห้าขวบของเขากำลังจะได้
เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง
ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น
โดยส่วนตัวของเขาเอง
ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลก
ควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน
ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไป
ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง ” ความยากจน ”
เพราะเขามีความเชื่อว่า
ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน
เขาจึงพอลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง
และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา
มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่า
ลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนา ผู้ ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดา ว่า
เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนา
และพักแรมที่นั่น ซึ่งทำ ให้เขาได้พบว่า
.... ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง
แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา
อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลา
รอบๆบริเวณบ้านโดย ไม่ต้องซื้อหา
ในขณะที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้น
ที่เป็นที่เก็บอาหาร
เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อน
คุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ใ
นขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหาร
กับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตร และ มีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน
ลูกชาวนา ที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา
ต้องกอดเอวพ่อให้แน่น เพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน
แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต อยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่
ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟ ส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน
แต่เขา ก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
......... ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน
แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย
เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า.....
จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก

เพื่อนสนิท...ก้อคือ...


มีกะเค้าบ้างป่ะเนี่ย
... เพื่อนสนิท
... ก็คือ
เพื่อนธรรมดาๆคนนึง ที่ดันสนิทกันมากกว่าเพื่อนธรรมดาๆทั่วๆไป

... ซึ่งมันก็ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง

ที่คล้ายๆกับเรามากกว่าเพื่อนคนอื่น
... ถึงจะมาสนิทกันได้

... บางที อาจไม่ใช่นิสัย
... บางที อาจไม่ใช่หน้าตา
... บางที อาจไม่ใช่ฐานะ
... บางที อาจไม่ใช่ระดับความรู้

... แต่มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็น มั น ค น นี้ เ ท่ า นั้ น ที่ มี

. .
... บางครั้ง

... เราก็ไม่ไป ที่ที่เราอยากไป
... เพียงเพราะว่า มันไม่ไปด้วย

... บางครั้ง
... นั่งเงียบอยู่ได้ตั้งนาน แต่แค่เห็นหน้ามัน
... น้ำตาที่กลั้นไว้แทบตาย กลับทะลักออกมาได้จนหมด

... บางครั้ง
... ถ้ามีเสียงหัวเราะของมันด้วย
... เราจะหัวเราะได้ดังกว่านี้

... บางครั้ง
... ร้อยคำปลอบใจของใครก็ไม่รู้

... ยังอุ่นใจไม่เท่ามือมันที่แค่ตบเบาๆที่หัวไหล่
บอกเป็นนัยๆว่า
กรูอยู่ตรงนี้

...
...
ชอบคำๆนึงที่บอกว่า


. . . . . เ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น แ ค่ เ พื่ อ น . .
. . . แ ต่ เ ร า เ ป็ น ตั้ ง เ พื่ อ น ต่ า ง ห า ก . .


... เพราะเพื่อนมีความสำคัญมากๆ

... มากจนบางคนแยกไม่ออก เอาไปเปรียบเทียบกะแฟน

ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
... ทั้งๆที่มันคนละเรื่องกันเลย


... แต่เมื่อเวลาที่เราอยู่ในห้วงของความรัก
... เพื่อน ... จะกลายเป็นส่วนเกินของโลกส่วนตัวเราทันที
... ไอ้เพื่อนสนิทเรา มันคงจะชินแล้ว
... ที่เวลาเรามีรักทีไร เราก็จะห่างๆมันไปทุกที

... เวลาที่จะกลับมานึกถึงมันได้อีกที

... ก็ตอนอกหักนู่นแหละ

... ก็เคยคิดเหมือนกันนะ
... ถ้าเราเป็นมัน จะรู้สึกยังไง
... คงจะประมาณว่า
... ' แม่ง ... พอมีแฟนก็ลืมเพื่อน'
... นี่ กะกรูไม่เคยช่วยห่ าไรเลย ทีกะแฟนแมร่งแทบถวายหัว'
... ' ต้องเลิกกะแฟนก่อนถึงจะจำเบอร์โทรกรูได้ใช่ไหม สราดดด'
... คิดๆดูแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
... เพราะเวลาที่กำลังมีความสุขในห้วงของความรัก
... ก็แทบไม่ได้จะไปเที่ยวไหนกับมันเลย
... นานๆถึงจะได้คุยกันที


... แต่พอผิดหวัง พอเจ็บตัวขึ้นมา
... นาทีนั้นอยากกดโทรศัพท์ไปหามันก่อน
... อยากให้มันรับโทรศัพท์ก่อน

... ซึ่งบางทีมันนอนไปแล้วเราก็จะไล่มันกลับไปนอน

... ไม่ต้องตื่นขึ้นมาฟังเรื่องราวใดๆทั้งนั้น
... ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่มันรับโทรศัพท์ ก็พอแล้ว

... แบบนี้ละมั้งที่เค้าว่า
... ' เพื่อน

คือคนที่สามารถนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ '
... ' แต่ลุกจากกันไปได้เหมือนคุยกันไปนับล้านคำ '


... ' เพื่อน '
... ' คือคนที่เมื่อเราสุข เราไม่เห็นมันอยู่ในสายตา '
. . . ' แ ต่ เ ป็ น ค น ไ ม่ มี วั น ป ล่ อ ย ใ ห้ เ ร า ล้ ม ลง

ไ ม่ ว่ า เ ร า จ ะ ไ ป
เ จ็ บ ม าจ า ก ไ ห น . . .

กฎ 50 ข้อ ของคนรักกัน

ที่ส่งเพราะคิดว่ามันดี ถ้าทุกคู่รักปฏิบัติกันแบบนี้ มีความสุขในวันแห่งความรักนะครับ

กฎ 50 ข้อของคนรักกัน

1.ดูพระอาทิดตกดินด้วยกัน

2. กระซิบถึงกันและกัน
3. ทำอาหารให้กัน
4. เดินท่ามกลางฝนตก
5. จับมือ
6. ซื้อของขวัญให้กัน
7. ดอกกุหลาบ
8. ถามว่าน้ำหอมสุดโปรดคือกลิ่นไหน และใช้ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
9. เดินริมทะเลตอนเที่ยงคืนด้วยกัน
10. เขียนก ลอนให้กัน
11. การกอดคือยาที่ดีที่สุด
12. พูดว่า'รักเธอ' ตอนที่รู้สึกว่ารักจิงๆ และทำให้เค้ารู้ว่าเรารู้สึกรักจิงๆ
13. ให้ของขวัญเล็ก ๆ ดอกไม้/ลูกอม/กลอน
14. บอกเธอ/เขา ว่าเธอ/เขา คือผู้หญิง/ผู้ชาย ที่คุณต้องการมากที่สุด
15. อยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
16. มองตากันและกัน.
17. (เฉพาะผู้ชาย) ดันคางเธอขึ้นเบาๆ มองตาเธอ บอกว่ารักเธ อมากที่สุด และจูบเธอเบาๆ ' เบาๆ ' ล่ะ
18. ในที่สาธารนะชน แค่จีบกันเฉยๆ อย่าทำอย่างอื่น
19. ใส่จดหมายรักในกระเป๋าเขา/เธอ เมื่อเธอ/เขาไม่เห็น
20. ซื้อแหวนให้เธอ (เฉพาะผู้ชาย)
21. ร้องเพลงให ้กันและกัน
22. (เฉพาะผู้ชาย) โอบกอดเทอตรงสะโพกเสมอ
23. พาไปกินข้าว2ต่อ2
24. กินสปาเก็ตตี้ (เคยดูเรื่องทรามวัยกับไอ้ตูบ มั๊ย)
25. (เฉพาะผู้ชาย)จับมือเธอ มองตาเธอ จูบมือเธอแล้ววางไว้บนหัวใจ
26. เต้นด้วยกัน
27. (เฉพาะผู้หญิง) เวลาอยู่ด้วยกัน นอนตักเขา
28. ทำเรื่องน่ารักๆ เช่น เขียนว่า 'ฉันรักเธอ' ในสมุดโน้ต
29. หาเรื่องมาเรียกเธอ/เขา ทุกๆ5นาที
30. ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน โทรไปหาเขา/เธอ และบอกว่า'ฉันรักเธอ'
31... โทรจากสถานที่ๆคุณไปเที่ยวและบ อกว่าคุณคิดถึงเขา/เธอ เสมอ
32. จำฝันของคุณและเล่าให้เขา/เธอ ฟัง
33. บอกความกลัวและความลับสุดยอดของคุณให้เธอ/เขา ฟัง
34. ทำดีกับพ่อแม่ของเธอ/เขา
35. (เฉพาะผู้ชาย) ลูบผมออกจากใบหน้ าของเธอเบาๆ 'เบาๆ' ล่ะ
36. ไปเที่ยวกับเ พื่อนของเธอ/เขา
37. ไป วัด/อธิษฐาน/สาบาน ด้วยกัน
38. พาไปดูหนังโรแมนติคและจำส่วนที่เธอ/เขาชอบ
39. เรียนรู้กันและกัน และอย่าทำผิดแบบเดิมเกิน2ครั้ง
40. บอกว่าคุณรู้สึกดียังไงที่ได้อยู่กับเธอ/เขา
41. เสียสละให้กันและกัน
42. รักกันมากๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก้อเลิกกันไปเลย
43. ทำให้ไม่มีนาทีไหนที่คุณไม่คิดถึงเขา/เธอ
44. รักตัวเองก่อนที่จะไปรักใคร
45. หัดพูดคำหวานๆในภาษาอื่น
46. ขอเพลงให้เขา/เธอ ในวิทยุ
47. หลับคาโทรศัพท์ด้วยกัน
48. ปกป้องเธอ/เขา เมื่อคนอื่นพูดอะไรไม่ดีต่อเขา/เธอ
49. ห้ามลืมการจูบgood night และพูดว่า'ฝันดีนะ' เสมอ
50. และสุดท้ายต้องขอขอบคุณที่โลกสร้างเธอ/เขาขึ้นมา

ลองอ่านดูนะ

ในเลาที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สับสนวุ่นวาย เราอาจมองข้ามเสียงเล็ก ๆ บางเสียงไป แต่ในเวลาที่เราอยู่เงียบ ๆ เราอาจได้ยินเสียงนั้นดังอยู่ในใจ เราก็ได้ เสียงเบา ๆ ของหัวใจ เสียงหัวใจกำลังพูดคุย กำลังบอกผ่านความรู้สึกออกมา ... "ทำไมผู้ชายถึงไม่เข้าใจบ้าง แค่บอกคำว่ารักคำเดียว เขาจะถึงกับจะเป็นจะตาย เลยหรือ ..." "ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบให้บอกคำว่ารักกันนักนะ แค่คำพูดคำเดียว มันจำเป็น ด้วยเหรอ ...

============================================

"เธอจะรู้มั๊ยนะ ว่าการเดินจูงมือกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง อย่างบอกไม่ถูก ... เธอปล่อยมือฉัน เธอไม่รักฉันแล้วเหรอ ..." "เดินจูงมือเหรอ เดินก็เดิน จะเดินปล่อยมือจูงมือ มันก็เหมือนกันแหละ อย่า คิด
มากเลย ..."

============================================

"เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ เธอ หรือเพื่อน ๆ ฉัน ฉันก็อยากบอกกับพวกเขาว่า เธอ เป็นคนรักของฉัน เป็นคนที่ฉันรักนะ ..." "ที่ผมทำห่างเหินเวลาเราเจอเพื่อน ๆ ก็เพราะผมวางตัวไม่ถูก ผมไม่รู้ว่า ผม ควรแสดงความเป็นเจ้าของเกินไป หรือควรจะให้คุณอยู่ห่าง ๆ ดี ..."

============================================

"เธออยากเห็นฉันร้องไห้เหรอ ..." "ฉันไม่ชอบความขี้แยของเธอ ..." "ที่ฉันร้อง เพราะฉันอยากให้เธอสนใจ อยากให้เธอช่วยปลอบใจฉัน" "ที่เธอร้อง ผมว่าบางทีมันน่ารำคาญนะ"

============================================

"รักฉันมั๊ย" "แค่คำว่ารักเหรอ บอกส่งเดชไปก็ได้"

============================================

"ที่โทรมา ก็เพราะเป็นห่วงนะ เธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า ห่วงไปหมด" "โอ๊ย โทรมาอยู่ได้ ก็ไม่เป็นอะไรไง ฉันแข็งแรง ไม่ต้องห่วง"

============================================

"ไม่รู้เลยเหรอว่าฉันต้องการอะไรจากเธอ" "อ้าว เธอไม่บอก แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง"

============================================

"อย่าปล่อยฉันอยู่คนเดียว ..." "ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก ..."

===========================================

"ไม่ต้องพูดอะไรได้มั๊ย ฟังฉันก็พอ ..."
"ฉันก็แค่ อยากให้ข้อคิดกับเธอ ไม่ได้ตั้งใจจะขัดคอเธอนะ เข้าใจกันบ้างสิ" "ฉันอยากมีใครสักคนที่รับฟัง ..." "ฉันอยากให้เธอเลิกบ่นได้แล้วล่ะ"

===========================================

"ฉันแค่อยากมีใครสักคนที่เข้าใจฉัน ..." "คุณเข้าใจผมบ้างหรือเปล่า ..."

===========================================

"ทำเพื่อฉันหน่อยไม่ได้หรือ ..." "ขอร้องว่า อย่าให้ผมฝืนทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำเลย ..."

===========================================

"ฉันเป็นฝ่ายเข้าหาเธอฝ่ายเดียวเลย เธอช่วยปรับมาหาฉันบ้างได้ไหม ..." "ผมทำได้เท่านี้แหละ เท่านี้จริง ๆ ขอโทษด้วยนะ ..."

===========================================

"เล่าให้ฉันฟังได้มั๊ย เธอเริ่มชอบฉันยัง
ไง" "โอ๊ย ไม่เอา อย่าถามมากน่า ตอนนี้รักก็พอแล้ว"

===========================================

"ขอโทษที่ฉันต้องโกหกเธอ ..." "การถูกโกหกจากคนที่ผมรัก มันเจ็บมากแค่ไหนคุณรู้ไหม ..."

===========================================

"จำได้ไหมวันนี้วันอะไร ..." "วันนี้เหรอ ขอนั่งนึกดูก่อนนะ เดี๋ยวไปทำงานแล้วอาจนึกออก ..."

===========================================

"ทำไมเธอไม่ปรับเข้ามาหาฉันเลยล่ะ ฉันปรับหาเธอฝ่ายเดียวจนทนไม่ไหวแล้ว" "ผมก็เป็นแบบนี้แหละ รับได้มั๊ยล่ะ"

===========================================

"เธอไม่เป็นห่วงฉันเลย" "ผมรู้ว่าคุณเก่ง คุณไม่เป็นอะไรหรอก"

===========================================

"เธอให้ความรักกับฉัน มากขึ้น ๆ อย่าให้มันน้อยลงนะ" "ผมให้ความรักกับคุณมากพอแล้ว ผมคงต้องผ่อน ๆ ลงหน่อยแล้วล่ะ ผมไม่สามารถ ให้ได้มากขนาดนี้ตลอด"

===========================================

"เธอทำแบบนี้ฉันเสียใจนะ" "คุณทำให้ผมต้องทำแบบนี้เองนี่"

===========================================

"ฉันไม่ได้อยากแสดงความเป็นเจ้าของหรอกนะ แต่ฉันมีผู้ชายที่ฉันรักอยู่คน เดียว เข้าใจฉันไหม ..." "เธอกำลังทำให้ฉันอึดอัดนะ เข้าใจไหม ..."

======================================

"เธอรักฉันอยู่หรือเปล่า" "คำพูดไม่สำคัญเท่าความรู้สึกหรอก"

======================================

"สนใจฉันหน่อย" "ผมเพิ่งทำกลับมาเหนื่อย ๆ นะ ขอเวลาพักหน่อยสิ"

======================================

"นี่เรามากันได้แค่นี้จริง ๆ หรือ" "ผมทำได้แค่นี้แหละ คุณอยากไปก็ไปนะ"

======================================

"ฉันไม่อยากเสียใจบ่อย ๆ อย่างนี้อีกแล้ว สู้ไม่ต้องเสียใจกันอีกเลยดีกว่า ..." "แม้ว่าผมจะต้องเสียใจบ่อย ๆ แต่อย่างน้อย ก็ยังบอกใครได้ว่า ผมมีแฟน ..."

======================================

"เธอเพียงแค่ต้องการให้คนอื่นเห็นว่า เธอมีคนรักเท่านั้นหรือ ..." "เอ่อ ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนผมครับ ..."

======================================

"ความอดทนของผู้หญิง ก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ ..." "ผมรู้ว่าคุณไม่ยอมไปจากผมหรอก เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละ อย่าคิดมาก"

======================================

แม้ว่าหัวใจใครต่อใคร จะเจ็บปวดรวดร้าว จะหนาวเหน็บแค่ไหน แต่หัวใจทุกดวง ก็ยังหวังว่า จะได้พูดคำล้ำค่าคำหนึ่ง คำสั้น ๆ เก่า ๆ ว่า "ฉันรักเธอ"

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ประวัติโรงเรียนกรรณสูต จ่ะ


โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย สุพรรณบุรี มาจากโรงเรียน ๒ โรงเรียน คือ โรงเรียนปรีชาพิทยาคาร และ โรงเรียนวัดประตูสาร โดยในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ทางการ ได้ยุบโรงเรียนวัดประตูสาร ไปรวมกับ โรงเรียน ปรีชาพิทยาคาร และกำหนดฐานะให้ เป็นโรงเรียน ประจำจังหวัดสุพรรณบุรี และ ต่อมา ได้พัฒนาเป็น โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย ในปัจจุบัน โดยที่จะพอลำดับประวัติได้ เป็น ๖ ยุค ดังนี้


ก่อนที่จะมาเป็น ปรีชาพิทยาคาร ประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๕-๒๔๔๑ นายปล้อง ธรรมารมณ์ สอนหนังสือเด็กที่บ้านของตน โดยที่นักเรียนรุ่นแรกคือ เด็ก ในละแวกบ้าน แต่ต่อมา ก็เริ่มมีเด็กต่างถิ่น เข้ามาเรียนด้วย โดยหนังสือเรียน ที่ท่านใช้สอนเด็ก คือ หนังสือชุด มูลบทบรรพกิจ ซึ่งถือว่า เป็นหนังสือแบบเรียน ที่ดีที่สุดในยุคนั้น ใครก็เรียนจบ สามารถเข้ารับราชการได้ ทันที และกล่าวกันว่า สำนักเรียนของครูปล้อง เป็นสำนักเรียนชั้นดีที่สุด ของเมืองสุพรรณในเวลานั้น มาตรฐานความรู้ สูงกว่าการสอน ของพระตามวัดต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้ตั้งเป็นโรงเรียน ตามการศึกษาแผนใหม่ ในเวลานั้น ด้วยเหตุนี้ เด็กจึงมาเรียน กับครูปล้องมากขึ้นทุกที จนที่เรียน ในบ้านของท่าน ซึงมีเรือนถึง หกหลังคับแคบ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๔๑ จึงเกิดอาคาร "ปรีชาพิทยาคาร" หลังแรกขึ้น และนายปล้อง ก็ได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็นขุนปรีชานุศาสตร์




อาคารปรีชาพิทยากรหลังแรก ประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๐ - ๒๔๔๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เสนาบดี กระทรวงมหาดไทย เสด็จมาตรวจราชการ เมืองสุพรรณบุรี ได้ทรงเยี่ยม ชมกิจการสอนของนายปล้องแล้วพอพระทัย เพราะพระองค์ท่าน ใฝ่พระทัยในงานการศึกษาอยู่มาก เมื่อทรงเห็น สถานที่คับแคบ จึงโปรดให้สร้างอาคารเรียน หลังใหม่ขึ้น ที่ริมแม่น้ำท่าจีน ในบริเวณ บ้านนายปล้อง เป็นอาคารทรงปั้นหยา ชั้นเดียว ๓ ห้อง ห้องหนึ่งจุประมาณ ๑๐ - ๑๕ คน มีมุขกลางด้านหน้า หลังคามุงจาก ประมาณนามว่า "โรงเรียนปรีชาพิทยากร" และทรงขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ ให้นายปล้องเป็น "ขุนปรีชานุศาสตร์" ครูคนแรก และคนเดียวของ โรงเรียนนี้ ได้รับเงินเดือน จากกระทรงมหาดไทยเดือนละ ๒๕ บาท อาคารเรียน หลังนี้เข้าใจว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทาน เงินอุดหนุนด้วย อาคารนี้ใช้ได้อยู่ ๑๐ ปี ก็ทรุดโทรม เพราะน้ำท่วมทุกปี และกระแสน้ำแรงมาก อีกทั้ง นักเรียน ก็คงมากขึ้นด้วย โรงเรียนจึงย้าย ไปอยู่ที่ใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑


อาคารปรีชาพิทยากรหลังที่ ๒ ประมาณ พ.ศ.๒๔๕๑ - ๒๔๖๑ โรงเรียนปรีชาพิทยากรแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่สี่แยกนางพิม ฝั่งตะวันตก ถนนพระพันวษา ตรงร้านถ่ายรูปแกรนด์ ในปัจจุบัน เป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง ๗ ห้องเรียน หลังคามุงจาก อาคารหลังนี้ ท่านขุนปรีชานุศาสตร์ ได้ออกเงินส่วนตัว และได้รวบรวม เงินจากบรรดาศิษย์เก่า ที่มีหลักมีฐานแล้ว ได้เงินประมาณ ๒,๕๐๐ บาท นอกจากนี้ ได้มีพระยาอภัยภาติกเขต นายอำเภอสองพี่น้อง หลวงศรีราชรักษา บริจาคโต๊ะเรียน และม้านั่ง อาคารหลังนี้ พระยาสุนทรสงคราม (ม.ร.ว.เล็ก พยัคฆเสนา) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ให้นักเรียนโทษ มาปลูกสร้าง เมื่อย้ายมาอยู่ ที่อาคารหลังนี้ โรงเรียน ได้โอนมาสังกัดกระทรวง ธรรมการ และขุนปรีชานุศาสตร์ ได้รับแต่งตั้งเป็น ครูใหญ่ คนแรก และมีครูช่วยสอน ๓ คน ต่อมาขุนปรีชานุศาสตร์ ได้ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ กระทรวงธรรมการ จึงส่งขุนโกศลเศรษฐ์ มาเป็นเป็นครู คนที่ ๒ แต่ต่อมาเมื่อขุนโกศลเศรษฐ์ถึงแก่กรรม ทางราชการ จึงได้ยุบโรงเรียนวัดประตูสาร โอนครู และนักเรียน ไปรวมกับ โรงเรียนปรีชาพิทยากร โดยมีครูสาย เขมะพรรค เป็นครูใหญ่ โรงเรียนหลังที่สอง ดำเนินกิจการอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๑ ก็ถูกยกเลิก นอกจาก เพราะชำรุดทรุดโทรมแล้ว คงเป็นเพราะ นักเรียนมาขึ้นด้วย พระยาสุนทรบุรี (อี้ กรรณสูต) จึงสร้าง อาคารเรียนหลังใหม่ และเปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็น "กรรณสูตศึกษาลัย"



อาคารกรรณสูตหลังแรก ประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๑ - ๒๔๘๑ พระยาสุนทรบุรี (อี้ กรรณสูต) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ปรารถ ถึงตัวโรงเรียน ซึ่งชำรุด ทรุดโทรมมากอยู่ และประสงค์ ที่จะสร้างโรงเรียนใหม่ ให้เสร็จโดยเร็ว โดยนายอำเภอทั้งเจ็ด ได้สนับสนุน ความเห็นของท่าน โดยจัดหาวัสดุต่างๆ มาให้ตามกำลัง และการก่อสร้าง ได้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ นั้นเอง เป็นรูปเรือนยาว สองชั้น มีมุขด้านหน้าสองด้าน ทางเหนือด้านหลัง ทางใต้ด้านหนึ่ง มีบันไดตรงกลาง มีห้องเรียนห้าห้อง ห้องใต้ถุนเปิดโล่ง ยาวประมาณ ๓๗ เมตร กว้าง ๑๕ เมตร หลังคามุงกระเบื้อง พื้น และฝา เป็นไม้ยางล้วน จุนักเรียนประมาณ ๒๐๐ คน เป็นราคา ๓,๐๐๐ บาทเศษ และ โอนนักเรียนเก่า และเครื่องใช้ ของโรงเรียน ปรีชาพิทยากร มารวมกัน โรงเรียนกรรณสูต หลังแกรตั้งอยู่ที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัจจุบัน เปิดสอน ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีต่อๆ มาได้สร้างโรงอาหาร และประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับงบประมาณ เป็นค่าก่อสร้างอาคารไม้ ๒ ชั้นยาว ๓๐ เมตร เพื่อรับนักเรียนมัธยม หนึ่งพิเศษ สำหรับ เตรียมบุคคล ไปเป็นครูในชนบท โรงเรียนแห่งนี้ ขยายกิจการ อย่างต่อเนื่อง จนถึงปี พ.ศ.๒๔๘๑ ได้ขยับขยายไปสร้าง ใน สถานที่แห่งใหม่ แต่ย้ายนักเรียนไปหมดจริงๆ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ระยะเวลา ๒๓ ปี จึงมีนักเรียนจบไปมากมาย


พ.ศ. ๒๕๐๖ นายพิณ โสขุมา ได้รับแต่งตั้งเป็น ครูใหญ่ของ โรงเรียน เห็นว่า โรงเรียนเดิม ซึ่งใช้มานาน ๒๕ ปี ชำรุดทรุดโทรม เป็นอันมาก โดยเฉพาะ ที่ดินซึ่งมีอยู่เพียง ๑๒ ไร่ เท่านั้น ค่อนข้าง คับแคบ จึงติดต่อไปยัง นายพัฒน์ บุณยรัตน์พันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ช่วยพิจารณา หาที่ดิน ที่กว้างกว่าเดิม และของบประมาณ จากกรมด้วย และในต้นปีนั้นเอง ก็ได้ที่ดินวัดร้าง ๒ วัด เนื้อที่ ๔๘ ไร่ เศษ คือ ที่ดินปัจจุบัน ได้รับงบประมาณ จากกรมสามัญศึกษา จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท และผู้มีจิตศรัทธา บริจาคอีก ๗๐๐,๐๐๐ บาท จึงได้ ทำการก่อสร้าง อาคารเรียน ๒ ชั้น ๑๘ ห้องเรียน ยาว ๘๐ เมตร ใต้ถุนโปร่ง และสูง พอที่จะแปลงเป็นห้องเรียนได้อีก ๙ ห้อง จากนั้น ทางโรงเรียนก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

อนาคตที่ฉันอยากจะเป็น

"อนาคตที่ผมอยากจะเป็น"

ที่จริงแล้วผมไม่เคยคิดที่จะเข้ามาศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกาญจนาฯเลย

ผมอยากจะเข้ากรรณสูตตั้งแต่อยู๋ประถม

จึงได้นัดและชวนเพื่อนไปสอบต่อที่ดรงเรียนกรรณสูต

แต่พ่อแม่ผมเป็นห่วงผม

บวกกับ

น้าสาวของผมก้อบอกว่าในโรงเรียนกรรณสูต

มีทั้งพวกมาเฟีย ค้ายาเสพติด

และด้วยความที่ผมติดเพื่อนแระเปนคนห่ามๆโหล่ๆ

พ่อผมเลยยิ่งไม่ไว้ใจผมเข้าไปใหญ่

เลยยื่นคำขาดให้ผมสอบเข้ากาญจนาฯ

ผมจีงจำเป็นต้องสอบเข้ากาญจนาฯ

แต่ผมก้อบอกพ่อไว้ว่าถ้าผมสอบเข้ากาญจนาฯไม่ได้

พ่อต้องให้ผมสอบเข้าที่โรงเรียนกรรรสูต

พ่อก้อตกลงให้สิ่งที่ผมขอ

ในวันสอบผมก้อได้เจอขอสอบที่เกินคาด

ผมคิดว่าข้อสอบของกาญจนาฯจะยาก

แต่ข้อสอบนั้นดันดันง่ายแสนง่าย

ผมก้อไม่ได้อยากเข้ากาญจนาฯซักเท่าไร

เลยคิดบ้างมั่วบ้าง(แต่ความจริงก้อคิดได้เกือบทุกข้อ)

แล้ววันที่ผมรอคอยก้อมาถึง

ใช่แล้วครับ

วันนั้นคือวันประกาศผลสอบ

ผมไม่ได้ให้พ่อพามาเพราะกลัวจะเสียใจที่ผมต้องต่อกรรณสูตแทนกาญจนาฯ

ผมจึงตรวจผลสอบทางอินเทอร์เน็ต

แต่ผลที่ได้รับมันกลับเกินคาดอีกแล้วครับ

ผมดันสอบติด TT*

วันมอบตัวผมมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก

จนวันเปิดเทอมวันแรก ผมก้อมาด้วยอารมณ์เซงๆ

เพราะไม่รู็ว่าจะเจอเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่าคนไหนบ้าง

ตอนที่เขาบอกรายชื่อนักเรียกห้อง 1 ผมไม่ค่อยสนใจเพราะผมไม่ได้สอบห้องแก้ว

พอเรียกห้อง 3 ไม่มีชื่อผม

จนห้อง 4..5...6.....10 ก้อยังไม่มีชื่อผม

ผมเริ่มเครียดมากกลัวว่าผมจะมาเก้อ

ผมลืมคิดไปว่าเขายังไม่ได้บอกรายชื่อนักเรียนห้อง 2

พอเขาขานชื่อนักเรียนห้อง 2 ผมก้อได้รู็ว่า

มีเพื่อนเก่าของผมอยู๋ห้อง 2 ด้วย

แล้วก้อมีชื่อผมเป้นคนที่ 25 ของห้อง

ตอนแรกๆผมคิดอยากจะย้ายโรงเรียน

เพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้คุยกับเพื่อนใหม่ซักเท่าไร

พอมาหลังๆผมได้รู็จักเพื่อนใหม่มากขึ้นๆ

จนทำให้ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ

แต่ผมก้อคิดไว้ว่า

พอผมจบม.3

ผมจะไปต่อม.4 ที่โรงเรียนกรรณสูต

เพราะเป็นโรงเรียนที่ผมใฝ่ฝันมากที่สุด

พอจบม.6

ผมก้ออยากจะไปเรียนต่อนิติศาสตร์

ที่มหาวิทยาลัยอะไรก้อได้

แต่ถ้าผมสอบนิติศาสตร์ไม่ได้

ผมก้ออยากจะไปอยู๋ที่ม.ธรรมศาสตร์ครับ

เพราะมันก้อเป็นสถานศึกษาที่ผมอยากไปอีกที่หนึ่งเช่นกัน

ตอนนี้สิ่งที่ผมทำคือ

ผมจะต้องใจเรียนให้มากเพื่อให้ได้เกรดเฉลี่ยดีๆ

ไว้ไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนที่ผมอยากเข้าครับ.

.. ปรัชญาความรัก 14 แบบ ..

.. ปรัชญาความรัก 14 แบบ ..

1. A man overtime falls in love with woman he is attracted to, and a woman overtime become more attracted to the man she loves. ผู้ชายมักจะตกหลุมรักคนที่เค้าหลงเสน่ห์ และผู้หญิงจะหลงเสน่ห์คนที่เธอตกหลุมรัก

2. Friendship is love minus sex and plus reason LOVE is friendship but love is friendship plus sex and minus reason. มิตรภาพคือ ความรักลบด้วยเซ็กซ์ และบวกเอาเหตุผลเพิ่มเข้าไป ส่วนรักคือ มิตรภาพบวกด้วยเซ็กซ์ และลบเอาเหตุผลออกไป

3.To love is nothing. To be loved is something. To love and be loved is everything!!!! การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง การถูกรักเป็นเรื่องของอะไรบางอย่าง ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกอย่าง

4.You may only be one person to the world but you may also be the world to one person คุณอาจจะเป็นแค่ "คนๆ หนึ่ง" ในโลกใบนี้ แต่คุณอาจจะเป็น "โลกทั้งใบ" ของคนคนหนึ่งก็ได้

5.You know when you love someone when you want them to be happy even if their happiness means that you're not of it. คุณรู้ว่าคุณรักเค้าก็ต่อเมื่อคุณต้องการให้เค้ามีความสุข แม้ว่าความสุขนั้นจะหมายถึง การที่คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน

6. Love looks not with eyes, but with the mind. ความรักนั้นเห็นไม่ได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ

7. Love is like standing in the wet cement. The longer you stay, the harder it is to leave. And you can never go without leaving your shoes behind. ความรักก็เหมือนปูนเปียกๆ ยิ่งคุณอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งติดหนึบ จากไปไม่ได้เท่านั้น และคุณจะไม่มีวันจากมาได้เลย โดยที่ไม่ได้ทิ้งรองเท้าไว้ข้างหลัง

8. Don't marry a person you can live with, marry somebody you can't live without. จงอย่าแต่งงานกับคนที่คุณ "อยู่ด้วยได้" จงแต่งงานกับคนที่คุณ "ขาดไม่ได้"

9. If you love someone tell them don't wait or also you will lose the chance. ถ้าคุณรักใคร บอกเค้าซะ อย่ารีรออยู่เลย ไม่งั้นคุณจะเสียโอกาสนะ..

10. It only takes a second to say " I love you" but it will take a lifetime to show you how much. ใช้เวลาแค่เพียงชั่ววินาทีในการบอกว่า" ฉันรักเธอ" แต่ใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า รักมากเพียงไร?

11. The essential sadness is to go through life without loving. But it would be almost equally sad to leave this world without ever telling those you loved that you love them. ความเศร้าที่สำคัญคือการใช้ชีวิตโดยปราศจากความรัก แต่มันคงจะเศร้าพอๆกันที่จะจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้บอกคนที่คุณรักว่า "คุณรักพวกเค้า"

12. A man falls in love through his eyes, a woman through her ears. ผู้ชายตกหลุมรักทางตา แต่ผู้หญิงน่ะ ตกหลุมรักทางหู

13.To love is to risk not being loved in return. To hope is to risk pain. To try is to risk failure, but risk must be taken, because the greatest hazard in life is to risk nothing. การที่ได้รักคือการเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับความรักเป็นการตอบแทน การตั้งความหวังคือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือการไม่เสี่ยงอะไรเลย

14. When loving someone.. never regret what you do. only regret what you didn't do. เวลารักใคร..อย่าเสียใจในสิ่งที่คุณได้กระทำ จงเสียใจในสิ่งที่คุณไม่ได้กระทำ…..

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความรัก?

>> >1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า
>> >คือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้
>> >และต้องมาเสียใจภายหลัง
>> > >> >2.ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่
>> >แม้จะแยกความรู้สึก
>> >ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว
>> > >> >3. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา
>> >แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น
>> >และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป
>> > >> >4. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น
>> >แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนาน
>> >จนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูแห่งความสุขบานอื่น ที่เปิดไว้รอ
>> > >> >5. >> >เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ
>> >แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด
>> > >> >6. >> >เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป...
>> >แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งผลของสิ่งนั้นเข้า
>>มาหาเรา
>> > >> >7. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคน
>> >ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ
>> >แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
>> >ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง
>> > >> >8. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน
>> >แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน
>> >แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ
>> > >> >9. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป
>> >อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว
>> >อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณยังไม่สามารถ "ทำใจ"
>> > >> >10. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง
>> >ถึงแม้ว่าจะผิดและมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง
>> >และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน
>> > >> >11. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้
>> >อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน
>> >ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว
>> >สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส
>> > >> >12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นอาจใช้เวลาแค่เพียงนาที
>> >การที่เราจะชอบใครอาจใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง
>> >การที่เราจะรักใครอาจใช้เวลาเพียงชั่ววัน
>> >แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต
>> > >> >13. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน
>> >ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง
>> >มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์
>> >และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข
>> > >> >14. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด
>> >รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน
>> > >> >15. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง
>> >อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา
>> >มิฉะนั้นจะหมายความว่าเราต้องการเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในตัวเขา
>> > >> >16. คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด
>> >เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก
>> > >> >17. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม
>> >คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางจาก
>> >ความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ
>> > >> >18. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม
>> >จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม
>> >ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ...

ความสุขและความทุกข์

ความสุขของทุกคนก้อจะแตกต่างกันไป
ความทุกข์ของทุกคนก้อจะแตกต่างกันไปเช่นกัน
ความสุขกับความทุกข์มักจะมาหาเราอยู่บ่อยๆเสมอ
คงจะไม่มีคนใดที่เจอแต่ความทุกข์
แล้วก้อคงจะไม่มีคนใดที่เจอแต่ความสุข
ผมก้อเหมือนกันครับ
ในบางวัน
ตอนเช้าผมแสนจะมีความสุข
แต่พอตกเย็นผมกลับมีความทุกข์เนื้อร้อนใจ
แต่บางวันผมก้อมีความสุขทั้งวัน
เช่นวันนี้ครับ
วันนี้ในตอนเช้าผมทะเลาะกับพ่อ
กับพี่ชายของผมนิดหน่อยครับ
ทำให้ผมหงุดหงิดแต่เช้าเลย
แต่พอผมเข้าไปเรียนพิเศษ
ในวิชาแรกที่ผมกับเทอไม่ได้เรียนด้วยกัน
วิชานั้น
ผมหงุดหงิดมากครับ
กระวนกระวาย
แต่พิวิชาต่อมา
ผมก้อยังไม่เจอเทอ
ผมก้อยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
แต่ก้อเดินออกไปนอกห้องครับ
แล้วผมก้อเดินเข้ามาในห้องแล้วตั้งใจว่าต้องเรียนให้จบ
แล้วค่อยไประบายที่ไหนสักที่
แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอก้อคือ
เทอนั่งอยู๋ข้างหน้าโต๊ะที่ผมนั่ง
อย่างแรกที่ผมเหนเทอคือ
เทอยิ้มให้ผมครับ
ทำให้ผมมีความสุขใจมาก
แล้วคุณครูที่สอนพิเศษก้อบล็อกที่นั่งไว้
ผมก้อจะได้เจอเทอแบบนี้ทุกอาทิตย์
แต่ความจริงผมอยากที่จะนั่งข้างเทอด้วยซ้ำไป
แต่ผมก้อทำไม่ได้ครับ
ผมมันปอดเกินไป
ผมอยากบอกรักเทอมากๆเลยครับ
แต่เทอก้ออยู๋กับเพื่อน
พอเรียนจบ
ผมก้อเดินออกมาข้างนอก
เทอเดินไปแล้วก้อหันมาหาผมครับ
ผมก้อโบกมือ บ๊ายบาย เทอ
เทอก้อโบกมือกลับ
แล้วเทอก้อขวักมือเรียก
แต่ผมไปไม่ได้ครับผมต้องเลี้ยงโบลิ่งเพื่อนผม
ผมจึงไปกับเทอไม่ได้
แต่ในจัยผมอยากไปกับเทอครับ
มันก้อเป็นความทุกข์ที่เกิดมาพร้อมๆความสุข
คุณเคยเป็นอย่างผมไหมครับ
ที่ในเวลา 1 วันคุณเจอจากทุกข์และสุข
แต่ถ้าในวันนั้น
คุณเจอความทุกแล้วความสุขที่คุณได้เกิดจากคนที่คุณรัก
ถ้าเป็นผม ผมจะไม่จดจำความทุกข์แต่จะจดจำความสุข
ที่เทอมีให้ครับ
แล้วคุณล่ะ
จะเลือกที่จะจดจำสิ่งไหนครับ

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ประวัติ hotmail จ่ะ


"ซาเบียร์บาเตีย"กับ hotmail.com (ผู้ก่อตั้ง hotmail.com)



โชคชะตาของคนไม่สิ่งที่ไม่แน่นอนใครที่กำลังจะเข้าสู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ต
เมื่อท่านได้อ่านบทความนี้จะสร้างพลังใจให้กับธุรกิจที่กำลังจะสร้างว่าบางที
วันหนึ่งความสำเร็จอาจเป็นเช่นเดียวกับชายหนุ่มชาวอินเดียที่ประสบความ
สำเร็จในสหรัฐอเมริกาด้วยความกล้าที่จะประกอบธุรกิจ



"ผมหลงไหลอยากจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับหลายคนที่สร้างตัวเอง
จนเป็นมหาเศรษฐีในซิลิกอนวัลเลย์หลายครั้งที่ผมได้เข้าชั้นเรียนและได้ฟัง
เล็กเชอร์จาก สตีฟ จ๊อฟแห่งแอปเปิ้ล (www.apple.com) ,สก๊อตแม็คนาลี
จากซันไมโครซิสเต็มท์ (www.sun.com)และฟังพวกเขาอย่างตั้งใจพร้อมกับ
ตระหนักว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับผมถ้าพวกเขาทำได้
ผมก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน"นี่เป็นความในใจของผู้สร้าง hotmailที่ได้กล่าว
ไว้หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว



เริ่มต้นจากไม่มีอะไร

ย้อนหลังไป 1998 ซาเบียร์บาเตียเด็กนักเรียนหนุ่มจากประเทศอินเดีย
ก้าวเท้าเหยียบสนามบินลอสแองเจอลิส (LAX)เป็นครั้งแรกบนแผ่นดินของ
สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นดินแดนแห่งโอกาสซาเบียร์ได้รับทุนเพื่อมาเรียนระดับ
ปริญญาตรีที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งก็เหมือนกับทุกคนเมื่อ
จบการศึกษาก็ต้องเริ่มทำงาน

เขาเริ่มเข้าชีวิตด้วยการเป็นลูกจ้างที่บริษัทแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ของสตีฟจ๊อบ
ในฐานะวิศวกรด้านฮาร์ดแวร์หลังจากที่ทำงานไปสักพักเลือดของความเป็นผู้
ประกอบการเข้มขึ้นขึ้น จึงลาออกและได้ร่วมมือกับแจ๊คสมิธเพื่อนของเขาจัดตั้ง
เว็บไซค์ขึ้นมาเพื่อให้บริการฟรีอีเมล์ www.hotmail.comด้วยเงินของเขาจำนวน
๖พันเหรียญจากการสะสมจากการทำงานและเงินจำนวนหนึ่งจาก Steve
Jurvetsonผู้จัดการของบริษัท Draper Fisher Jurversonซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุน
หรือ VC (venture capital)เพื่อมาเงินมาสร้างกิจการ

ทั้งสองได้เปิดเว็บไซค์ขึ้น อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4กรกฏาคม 1996ซึ่งถือ
เป็นวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาและแนวคิดจากวันชาตินี้เองทำให้
พวกเขาเปิดบริการฟรีอีเมล์ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเช็คอีเมลได้
โดยไม่จำต้องเป็นสมาชิกของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือISPให้สามารถ
เช็คอีเมล์จากที่ไดก็ได้ในโลกทุกหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

"ผมเชื่อในศักยภาพของอินเทอร์เน็ต"จากวันที่เริ่มต้นนับไปอีก 12เดือน
ยอดสมาชิกของ hotmailเพิ่มขึ้นเป็น 10ล้านคนจากทั่วโลกจนกระทั่งยักษ์ใหญ่
อย่างไมโครซอฟท์เห็นศักยภาพและจับตาว่า hotmailสามารถทำเงินได้อย่างแน่
นอน ซึ่งขณะนั้นมูลค่าของ hotmailจาการประเมินของ menlo ventureมีค่าถึง
160ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว

"ผมรู้สึกตื่นเต้นจริงๆหลังจากที่ได้รับการติดต่อจากไมโครซอฟท์"บาเตียย้อน
คิดถึงวันเก่า ๆและในที่สุดวันของผมคงใกล้เป็นจริงแล้วและแล้วไมโครซอฟท์
ก็ได้ตกลงเซ็นสัญญาซื้อกิจการไปในราคา 400ร้อยล้านเหรียญสหรัฐเพื่อนำไป
เป็นส่วนหนึ่งของบริการ MSNเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากยอด
สมาชิกของ MSNยังเป็นรองบริษัทอเมริกาออนไลน์ (www.aol.com)ผู้ให้บริการ
อินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของสหรัฐ

การซื้อกิจการในครั้งนี้ถือว่าเป็นของขวัญในการครบรอบอายุ 29ปี
ก่อนหน้านี้ราคาที่ถูกเสนอไมโครซอฟท์เสนอมามีราคาต่ำกว่านี้มากและผมก็
สามารถอดใจรอจนถึงราคาที่คิดว่าเหมาะสมน่าจะขายออกไปและกว่าจะขายให้กับ
ไมโครซอฟท์ได้ต้องเจรจากันหลายรอบเนื่องจากผมไม่ราคาพอใจที่ทางฝ่าย
ไมโครซอฟท์เสนอมา

Arzooเป็นแผนต่อไป




หลังจากที่ขาย Hotmailไปแล้วซาเบียร์ก็เตรียมที่จะผลักดันโครงการใหม่ให้
ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ Hotmailด้วยโครงการที่ชื่อว่า Arzooเป็นภาษา
ฮินดีโดยจะสร้างให้เป็นประตูสู่โลกของอีคอมเมริ์ช

ผมต้องการจะให้กว้างไปถึงอินเดียและเปิดโอกาสให้เด็กๆสามารถเข้ามาใช้
บริการได้โดยไม่ต้องมีใครแนะนำและอีกอย่างผมต้องการ
จะทำทางด้านเคเบิ้ลทีวี
ให้สามารถเชื่อมต่อินเทอร์เน็ตได้ซึ่งในประเทศซึ่งมีมูลค่าประมาณ 200ล้าน
เหรียญสหรัฐ

ซาเบียร์เดินทางกลับบ้านในเดือนกุมภาพันธ์ 1998การกลับไปในครั้งนี้เยี่ยง
วีรบุรุษของชาวอินเดียเขาได้รับเกียรติให้เป็นผู้เปิดเว็บไซค์ไซเบอร์บังกาลอร์
อย่างเป็นทางการและให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ในอินเดียว่า "ขณะนี้ฝันเป็น
จริงแล้วที่จะเห็นอินเดียจำหน่ายซอฟต์แวร์ไปทั่วโลกดูอย่างอิสราเอลซิครับ
checkpoint , vocaltec, icqตอนนี้ดังไปทั้งโลกแล้วซิลิกอนวัลเล่ย์ในสหรัฐ
ไม่ใช่มีโครงสร้างที่ดีมากแต่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจที่นั่นอุตสาหกรรม
ซอฟต์แวร์ของอินเดียดีกว่าจีนและบราซิลมากนัก

เนื่องจากเรามีบุคลากรที่ชำนาญผมอยากเห็นรัฐบาลอินเดียไม่ผูกขาดใน
เรื่องการให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อให้มีราคาถูกพอที่ประชาชนและภาคธุรกิจ
พอจะใช้ได้"ไม่ทราบด้วยเหตุอันใดหลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลอินเดียได้
ประกาศยกเลิกการผูกขาดบริการอินเทอร์เน็ตภายในประเทศ

ผู้ลงทุนให้ความเห็น

Steve Jurvetsonหุ้นส่วนของ VC Draper Fisher Jurvetson (www.dfj.com)
ปัจจุบันเป็น Boradของ hotmailในความดูแลของไมโครซอฟท์)ได้แสดงความ
คิดเห็นของการขายกิจการของ Hotmailให้กับไมโครซอฟท์ไว้อย่างน่าสนใจว่า
"ผลิตภัณฑ์ที่ดีสามารถแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วกว่าการขยายตัวตามปกติของการ
ส่งถ่ายสินค้าที่ทำอยู่ทั่วไปความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะทำให้เหมือนกันติดเชื่อ
ไวรัสที่แพร่ขยายตัวเหมือนกับ Hotmailที่มีสมาชิกสมัครเข้ามามากและเร็วที่สุด
ในโลกเท่าในประวัติศาสตร์นี้เคยมีมา

ธรุกิจทุกวันนี้คงปรับตัวเข้าหาหนทางใหม่ด้วยอีคอมเมริ์ชเป็นโอกาสการค้าอย่าง
มากบนอินเทอร์เน็ตพวกเรามีแนวคิดว่า viral marketingแต่นี่ไม่ใช่ไวรัสเป็น
การแพร่ขยายตัวของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตดูอย่าง hotmailซิครับผมเป็นผู้ลงทุน
ให้ซาเบียร์บาเตรีย และแจ๊คสมิธเพื่อนของเขาในปี 1995ที่นำแนวคิดฟรีอีเมล
เข้ามาใช้ ระยเวลาเพียง 18 เดือนมีผู้เข้ามาใช้บริการถึง 12ล้านคนแต่แปลก
มากจำนวนผู้คนที่เข้ามาสมัครไม่ได้น้อยลงไปเลยมียอดเข้าสมัครกว่า 1.5แสน
รายต่อวันถือว่าพวกเขาเป็นฟรีอีเมล์รายใหญ่ที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ตัวเลขของ
สมาชิกยังเพิ่มไม่หยุดและมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆจนถึง 34ล้านคนแต่พวกเรา
ก็ต้องใช้เงินทุนไม่น้อยกว่า ๕แสนเหรียญสหรัฐในการโฆษณาประชาสัมพันธ์"

ทีมดราเปอร์หนึ่งในหุ้นส่วนของผมให้ความเห็นก่อนที่จะลงทุนว่าทุกครั้งของ
การส่งอีเมลที่ www.hotmail.comเราสามารถจะใส่โฆษณาลงไปได้นอกจากนี้
ในตอนที่อีกฝ่ายรับอีเมล์สามารถจะทำได้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้เรายังสามารถรับทราบข้อมูลของผู้สมัครจากทั่วโลกอีกด้วยและเราจะ
เอาเงินดอลล่าร์จากพวกเขาาจึงตัดสินใจลงทุนกับธุรกิจ Hotmailซึ่งได้ได้ผล
รูปแบบ viral marketingได้ผลเร็วกว่าอินเทอร์เน็ตเป็นการถอดรูปแบบจำลอง
ของทรัพย์สินทางปัญญาความคิดที่ดีเมื่อเกิดขึ้นสามารถให้คนทั้งโลกได้รับรู้ทันที
เมื่อไหร่ที่เราติดสินใจที่จะลงทุนในบริษัทอินเทอร์เน็ตที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเราจะมอง
ถึงจุดที่ลูกค้าจะต้องเข้ามาใช้บริการเรื่อยๆลองดูอย่างเว็บไซต์ที่เป็นชุมชนม
ีการให้บริการอีเมล์ ,รายชื่อต่างๆ ,ปฏิทินนัดหมาย ,เว็บไซต์ส่วนตัวนั่นเป็นจุด
ที่จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ

นี่เป็นจุดที่สร้างพลังให้กับยาฮู (www.yahoo.com)และเว็บไซต์อื่นๆอีกหลาย
แห่งที่เปิดบริการในลักษณะที่คล้ายกันถ้าหากมีคำถามว่าทำไมยาฮูถึงซื้อฟรีอีเมล์
Four 11รวมถึงไมโครซอฟท์ถึงซื้อ hotmailทั้งหมดมีคำตอบอยู่ในตัวแล้ว

ครบรอบ 3ปี

ปัจจุบัน Hotmail.comมีผู้เข้ามาใช้บริการกว่า 70ล้านคนอยู่ในความดูแลของ
บริษัทไมโครซอฟท์เตรียมฉลองครบรอบ 4ปีในวันที่ 4กรกฏาคม
ที่ผ่านมาด้วยการปรับโฉมเว็บไซค์ใหม่ให้มีการเรียกข้อมูลเร็วเพิ่มขึ้น

ณ วันนี้ ซาเบียร์บาเตียอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมมูลค่า 2ล้านเหรียญสหรัฐริม
ชายหาดขับรถเฟอร์รารี่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเล่น
กอล์ฟเป็นงานอดิเรกยังมีชีวิตที่เป็นโสดซึ่งความฝันของเขาได้เป็น
ความจริงแล้วว่าเขาก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับผู้ที่เคยสอนในห้องเรียน



ข้อมูลจาก Web Site : www.thaiventure.com
โดย คุณชีพธรรมคำวิเศษณ์
tri333@thaiventure.com

ประวัติ hi5 จร้าาา


บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ที่มาของชื่อ

ชื่อ “Hi5” มาจากไหน ?

คำว่า Hi5 หรือ “Hi Five” หมายถึงอาการที่คนสองคนชูฝ่ามือแบนิ้วทั้ง 5 มาแปะกันแรงๆ เป็นการทักทายประสาเพื่อนสนิทที่ชาวอเมริกันนิยมกันมาก เช่นเดียวกับคำชวนให้มาแปะมือกันก็พูดว่า “Give me five!” เป็นต้น

สำนวนนี้เป็นที่มาของชื่อเว็บ Hi5 และในเว็บนี้ก็เปิดให้เรา “Give 5” ให้กับเพื่อนสนิทหรือคนที่พิเศษได้โดยการกดปุ่มลิงค์ “Give ...ชื่อเจ้าของรูป... Five” และหากเจ้าของรูปคนนั้นไม่เคยได้รับ “Five” มาก่อน เราก็จะได้รับเกียรติให้เป็นคนแรกที่ให้ Five แก่เจ้าของรูปนั้นให้รู้กันไปทั้งกลุ่มด้วย

ประวัติ
ลามู ยาละมันชัย นักศึกษาปริญญาตรีชาวอเมริกัน ได้ร่วมกับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ที่เรียนปริญญาตรีทางด้าน Computer Science อยู่ ก่อตั้ง SponsorNet New Media ธุรกิจตัวแทนโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต ในปี 2004 โดยยาละมันชัย ได้เห็นว่าระบบการโฆษณาผ่านแบนเนอร์แบบเก่าๆ ที่อาจไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และพฤติกรรมการสร้างอัลบั้มรูปแล้วพูดคุยกัน การเกิดกลุ่มเพื่อนที่คอยอัพเดตข่าวแต่ละคนทางอินเทอร์เน็ต จึงได้เกิดเป็นเว็บไซต์ไฮไฟฟ์


ไฮไฟฟ์ มีภาษาต่างๆ ถึง 9 ภาษา เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ตามมาด้วย กูเกิล และวินโดวส์ไลฟ์ (ข้อมูลเดือน กุมภาพันธ์ 2550) และติดอันดับ 1 ใน 10 ในอีกกว่า 30 ประเทศ ไฮไฟฟ์กลุ่มของผู้ที่ใช้ภาษาสเปน เป็นหลักโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาใต้ กลุ่มประเทศที่นิยมการใช้ไฮไฟฟ์ คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน คอสตาริกา เอลซัลวาดอร์ เอกวาดอร์ ฮอนดูรัส รองลงมาคือ กัวเตมาลา เปรู ขณะเดียวกันรวมถึงประเทศอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น โปรตุเกส โรมาเนีย และประเทศไทยที่ปัจจุบันมีตัวเลขผู้เล่นไฮไฟฟ์ประมาณ 1 ล้านราย และมีผู้ลงทะเบียนใหม่เพิ่มมากกว่าวันละ 8 พันราย โดยผู้ที่ใช้ไฮไฟฟ์จากประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 12
ไฮไฟฟ์ เป็นเว็บไซต์ประเภท Social Network หรืออาจเรียกในภาษาไทยว่า “เครือข่ายสังคม” หรือ “เครือข่ายมิตรภาพ” หรือ “กลุ่มสังคมออนไลน์” คือบริการผ่านเว็บไซต์ที่เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลแต่ละคนที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์คอินเทอร์เน็ต รวมทั้งเชื่อมโยงบริการต่างๆ อย่าง เมล์ เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีก็กลุ่มย่อยตามความสนใจร่วมกัน เช่น กลุ่มคนขี่จักรยานเสือภูเขา กลุ่มแฟนคลับเดธโน้ต เป็นต้น โดยคนที่ลงทะเบียนสมัครจะกรอกข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ อัลบั้มรูป โดยเชื่อมเครือข่ายสังคมและเครือข่ายมิตรภาพเข้าด้วยกัน ด้วยการแชร์รูป แชร์ไฟล์ดูกัน[3]

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ เช่น การฝังวิดีโอคลิป ฝังจอเล่นเพลง ฝังจอพิเศษที่นำรูปทั้งหมดของเรามาเล่นเรียงแบบฉายสไลด์ ซึ่งอุปกรณ์เสริมเหล่านี้เรียกว่า วิดเจ็ต (Widget) และยังเป็นฐานเปิดกว้างให้บริการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่าง เว็บรับฝากคลิปวิดีโอ ยูทูบ หรือ หรือเว็บรับฝากเพลง iMeem นอกจากนี้ยังมีจอพิเศษที่จะฉายอัลบั้มรูปเราแบบสไลด์ของ slide.com และมีเกมสั้นๆ ง่ายๆ สไตล์ Flash Game อีกชิ้นส่วนสำคัญคือหน้าจอ หรือที่เรียกว่า สกิน เป็นพื้นหลังแบ็กกราวนด์ ที่สามารถเลือกลวดลายและรูป ที่สามารถดาวน์โหลดได้ตามเว็บ และอีกลูกเล่นคือ กลิตเตอร์ (Glitter) การ์ตูนขยับหรือภาพ “ดุ๊กดิ๊ก” ที่ผู้ใช้สามารถคัดลอกโค้ดไปแปะในหน้าของตัวเองและส่งให้เพื่อนๆ กันอย่างแพร่หลาย

และหลังจากที่คู่แข่งอย่าง เฟซบุ้ก เปิดโอกาสให้โปรแกรมเมอร์หรือใครก็ได้สร้างวิดเจ็ตขึ้นไปแปะบนหน้าเฟซบุ้กตัวเอง และแจกจ่ายให้แพร่หลายออกไปได้ ซึ่งไฮไฟฟ์เคยควบคุมไว้โดยตลอด แต่ต่อมา ไฮไฟฟ์ร่วมมือกับมายสเปซ ให้กูเกิ้ล ช่วยพัฒนาระบบชื่อ “Open Social” ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้มีวิดเจ็ตเช่นเดียวกับเฟซบุ้ก


จากการสำรวจข้อมูลของคนไทยที่ใช้ไฮไฟฟ์ ในช่วงเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2550 พบว่า ที่มีการเล่นมากที่สุดอยู่ที่ช่วงอายุ 18-24 ปี เป็นสัดส่วนถึง 42.19% โดยสัดส่วนของผู้หญิงและผู้ชายก็จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยที่สัดส่วนของผู้เล่นเพศหญิงจะมากกว่าเล็กน้อย

Data from th.wikipedia.org